Blog Archives

สามชุก : ข้อผิดพลาดที่กล้าเปิดเผย

เมื่อชีวิตพบข้อผิดพลาดบางประการ

หลายคนเลือกจะปิดบังมันไว้ด้วยข้ออ้างเหตุผลส่วนตัว

สามชุกwikimo  

แต่เพื่อส่วนรวมแล้วชาว สามชุกรัตนโภคาราม เลือกที่จะไม่ปิดยังอำพราง

                สามชุก ภาพยนตร์โดย ธนิตย์ จิตนุกูล เลือกเรื่องจริงของนักเรียนโรงเรียน สามชุกรัตนโภคาราม ที่มีเหตุปัจจัยให้สารเสพติดในชื่อเดิมว่ายาม้าหรือชื่อใหม่ว่ายาบ้าเข้ามาข้องแวะกับ  ๗ ชีวิตชีวิตเด็กนักเรียนที่ต่างภูมิหลังพื้นฐานชีวิตและครอบครัวน แต่มีจุดมุ่งหมายร่วมคือเป็นพวกมีสุขร่วมเสพ  เบื้องหลังชีวิตของเด็กแต่ละคนถูกถ่ายทอดผ่านหนังโดย ปื๊ด  ผู้กำกับรุ่นเก๋าฝีมือชั้นครูที่อยู่ในวงการหนังมาตั้งแต่บิลลี่ โอแกน ยังเป็นวัยรุ่น จำเนียรกาลนานมาแล้ว ปื๊ดกับอังเคิล ร่วมกันกำกับ ซึมน้อยหน่อย กะล่อนมากหน่อย โดยมี จิตต์ จิตนุกูล แสดงนำ ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก จนหลายคนคงคิดว่า ธนิตย์ จิตนุกูล เอาลูก จิตต์ จิตนุกูล เพราะเห็นมีนามสกุลเดียวกันมาเล่นหนัง แท้จริงแล้ว จิตต์ จิตนุกูลก็คือ บิลลี่ โอแกน คนเดียวกับบิลลี่เข้มนั่นแหละครับ

               ภาพยนตร์ สามชุก” เป็นเรื่องจริง ที่ครูพินิจในร่างของปลาย ปรเมศร์ เป็นครูของเด็กนักเรียน ๗ ชีวิตที่ริติดยา มีหัวหน้าคือ ชัชวาล หรือไอ้วาล และพวกอันมี พันธุ์ ยอด โบ๊ะ ปอด เอก(ชัย) และ(สุ)เทพร่วมทีม ทันทีที่ครูรู้ว่าศิษย์ติดยาก็รีบติดต่อผู้ปกครองของเด็กแต่ละคน ทำให้ทราบว่าลูกศิษย์ตนทั้งเจ็ดนี้มีปัญหาที่ครอบครัว   ๗ คน ๗ ปัญหาชีวิตที่หนังถ่ายทอดให้ได้รับรู้มูลเหตุแห่งชีวิตที่มีปัญหาของแต่ละคนจนต้องพึ่งพิงที่พึ่งทางใจในนามเรียกขามในอดีตว่า “ยาม้า”  ต้นเหตุทั้งสิ้นทั้งปวงล้วนจากสภาพแวดล้อมอันหมายรวมถึง  “ผู้ใหญ่”   ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความยากจนที่สะท้อนผ่านแม่ไอ้วาล หรือไอ้พันธุ์คนส่วนเกินของที่บ้านขาดการดูแลเอาใจใส่ ต้องมาขอให้ครูพินิจเป็นพ่อ  ปัญหาพ่อขี้เมาอาละวาดแม่ของครอบครัวปอด หรือครอบครัวที่รักลูกเกินไปอย่างพ่อแม่สุเทพที่มักใช้เรื่องของลูกมาบังหน้าเพื่อรักษาหน้าตาตัวเองในวงสังคมและปัญหาความรักพวกพ้องที่มีอยู่เต็มเปี่ยมตัวยอด เจ้าของวลี “เพื่อนกันทำไรก็ทำตามกัน”  

               สิ่งที่ครูได้รับจากครอบครัวเด็กมีปัญหาคือ ความไม่ตั้งใจจริงในการแก้ปัญหาเด็กของตัว  เมื่อครอบครัวแก้ปัญหาไม่ได้ ครูก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วย ทั้งเหนื่อยทั้งท้อ แต่ครูไม่ถอย ตั้งใจรับเด็กเจ็ดชีวิตเข้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวครู ซึ่งแน่นนอนว่าเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วย่อมต้องดูแลสุขทุกข์กันถึงที่สุด อุปสรรคมากมายเข้ามาให้ครูได้ใช้ปัญญาแก้ และในที่สุดรายละเอียดของเด็กเจ็ดชีวิตมีบทสรุปเช่นไรคงต้องติดตามชมกัน

               ในส่วนเนื้อหาของภาพยนตร์มีเนื้อหนังในแนวนี้ที่บรรยายถึงสาเหตุปัญหายาเสพติดที่ดังมากในยุคก่อน   คงไม่พ้นเรื่อง น้ำพุ”  ที่ส่งดาราบางคนได้ “เกิด”ในวงการมายา  ถ้าจะเทียบชั้นกันแล้ว สามชุก ดูสนุกกว่า น้ำพุ   “เยอะ” เพราะ โครง(plot)เรื่องที่กระจายปัญหาชีวิตใส่ตัวละครแต่ละตัว มีความหลากหลายของปัญหามากกว่า  ความลื่นไหลของเรื่องร้อยเรียงสอดประสานกันทำให้หนังดูสนุก และยังคงทิ้งปมให้ติ่งสมองได้คิดตามขณะดูและเมื่อหนังจบ แม้ปลาย ปรเมศร์ หรือ ปรเมศร์ น้อยอ่ำ ผู้สวมบทครูพินิจ จะไม่เป็นที่รู้จักหรือดังไม่เท่าดาราผู้รับบทน้ำพุในสมัยนั้น แต่ในเรื่องฝีมือนั้นไม่ธรรมดาเลยสำหรับการแสดงในหนังเรื่องนี้ รางวัลที่ได้รับมากถึง ๕ รางวัล เป็นเครื่องยืนยัน   ทุกรางวัลเป็นรางวัล     ผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง สามชุก ของ ๑ ภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 19   ๒ ชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 18   ๓ สตาร์พิคส์ ไทยฟิล์ม อวอร์ด   ๔ คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 7  และ   ๕ แฮมเบอร์เกอร์อวอร์ด ต้องยอมรับว่าบทของครูพินิจส่งให้ปลาย ปรเมศร์  ได้กลายร่างเป็นครูพินิจจริงๆ อารมณ์จากการนั่งดูหนังเรื่องนี้จึงเหมือนนั่งดูชีวิตที่ไม่ใช่การดูหนัง จึงไม่แปลกที่จะคว้ารางวัลผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยมจากหลายค่ายไป

               คุณค่าของหนังเรื่องนี้ไม่ใช่อยู่ที่รางวัล แต่รางวัลต่างหากที่ชี้ให้เห็นถึงคุณค่า ถึงกระนั้นคุณค่ากับมูลค่ามักจะเดินสวนทางกันเสมอ หนังดีมีคุณค่าสูงแต่กลับสร้างมูลค่าจากการฉายต่ำ จงอย่าได้ไปเทียบกับหนังตลกโปกฮาไร้สาระแก่นสาร  อย่างพี่มากพระโขนงเลย  รายได้จากการฉายในโรงนั้นว่ากันว่าแทบไม่ถึง 5 ล้านบาท แต่ไม่เห็นข่าวเจ้าของหนังออกมาฟูมฟายจะโดดตึกฆ่าตัวตายอย่างผู้สร้างหนังสมัยนี้บางเรื่อง

               หนังไทยกับสังคมไทยจึงเข้ากันได้เสมอทุกยุคสมัยในเรื่องคุณค่า มูลค่า และการถูกทำให้เชื่อว่ามีค่า   คนหรืออะไรก็ตามที่มีคุณค่านั้นสังคมไทยมักจะไม่ให้ค่า ในทางกลับกันคนหรืออะไรที่สร้างมูลค่าหาเม็ดเงินได้มากจนบางครั้งอาจถูกเรียกขานว่า  “ตัว(ทำ)เงินตัว(ทำ)ทอง”  เช่นกรรมกรคาบข่าวบางคนก็มักไร้ซึ่งคุณค่าแต่กลับถูกทำให้เชื่อว่ามีค่า 

                เชื่อกันว่า เวลาเป็นสิ่งมีค่า  การสละสิ่งมีค่าเพื่อดูหนังที่มีคุณค่าเช่น สามชุกแล้วได้คิดตาม   ชีวิตจะมีคุณค่าอีก “เยอะ” โดยเฉพาะ คุณวัยรุ่นวัยอยากลอง

  นับว่าคุ้มค่ากับเวลาที่ต้องจ่าย  เชื่อผมเถอะ